RSS

จาตุรงคโชค… โดย อาจารย์ประทีป อัครา

17 พ.ค.


จาตุรงคโชคสื่อนำโชค (ดีหรือร้าย) สู่ชีวิต…

 

            วิชาโหราศาสตร์ ได้แก่วิชาผูกดวงดูชะตาชีวิต   ความจริงเป็นศาสตร์ที่มีสมรรถภาพและคุณสมบัติเช่นเดียวกับศาสตร์อื่นๆ ทั้งหลายในโลก   แต่เพราะคนบางคนมองศาสตร์นี้ผิดไป   เข้าใจว่าเป็น ศาสตร์วิเศษ ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริง จึงทำให้เกิดความผิดหวัง เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และเกิดเดียดฉันท์ขึ้นอย่างไม่ค่อยจะถูกต้องและเป็นธรรมนัก

            การกล่าวว่าวิชาโหราศาสตร์มีคุณค่าและประสิทธิภาพเท่าเทียมกับศาสตร์อื่น ก็คงจะมีผู้ค้านอีกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะผลจากการใช้วิชานี้พยากรณ์ ปรากฏว่ายังถูกบ้างผิดบ้างอยู่ หมายความว่า โหราศาสตร์ยังไม่ได้ผล ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ จึงยังจะเอามาเทียบกับศาสตร์อื่นๆ ไม่ได้ ลองช่วยกันคิดดูด้วยความเป็นธรรมว่า ในชั่วชีวิตของท่านผู้อ่านเอง เคยพบศาสตร์ไหนที่ให้ผลถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เสมอไปบ้าง

            เภสัชศาสตร์ ที่ปรุงยาออกจำหน่ายเต็มท้องตลาด บอกสรรพคุณไว้นานาประการ   เมื่อซื้อมากินมาใช้ ก็ปรากฏว่าหายบ้างไม่หายบ้าง

            แพทย์ศาสตร์ ก็ยังไม่ถึงขั้นรักษาคนหายได้ทุกโรคทุกราย ยังมีหายบ้างไม่หายบ้าง และตายบ้าง

            พาณิชย์ศาสตร์ เป็นอย่างไร   การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียๆ หายๆ ต้องเปลี่ยนตัวกันบ่อยๆ คงเป็นที่ทราบๆ กันอยู่

            เศรษฐศาสตร์ ควบคุมเศรษฐกิจได้ผลแค่ไหน กี่เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นที่เห็นๆ กัน

            แต่ทำไมศาสตร์ทั้งหลายจึงยังเป็นที่ยอมรับ ยังใช้และยังศึกษากันอยู่ คำตอบที่แน่ชัดและแน่นอนก็คือ การยกย่องหรือยอมรับศาสตร์ทั้งหลาย อยู่ที่ศาสตร์นั้นให้ผลได้มากกว่าผลเสีย ไม่ใช่ต้องให้ผล ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ การที่โหราศาสตร์ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุด   ยังคงได้รับความเชื่อถือสืบต่อกันมา ก็อยู่ที่พยากรณ์ได้ถูกมากกว่าผิด ไม่ใช่เพราะถูก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เสมอ   เช่นเดียวกับศาสตร์ทั้งหลายนั่นเอง

            ถ้าไม่หลงเข้าใจผิดคิดว่า โหราศาสตร์เป็นวิชาวิเศษผิดธรรมดา   ศาสตร์นี้ก็ยังเป็นหลักวิชาที่มีค่าควรแก่การสนใจศึกษา และยังเป็นประโยชน์อยู่พอสมควร ไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัวอย่างไรเลย ศาสตร์ทั้งหลายในโลก เกิดจาก สถิติทั้งสิ้น   แพทยศาสตร์คาดหมายอาการของโรคได้ก็อาศัยสถิติ คือได้พบเห็นอาการของโรคนั้นมาก่อนแล้ว

            เศรษฐศาสตร์คาดหมายแนวโน้มของเศรษฐกิจได้ก็อาศัยสถิติเช่นเดียวกัน และการวางแผนในกิจการใดๆ ก็ต้องอาศัยสถิติ บูรพาจารย์ของแต่ละศาสตร์ได้ศึกษาสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสิ่งทั้งหลายจนได้ สถิติ ที่ ค่อนข้างแน่นอน แล้ว จึงเอาสถิตินั้นมาจัดหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเป็นหลักเกณฑ์สำหรับศึกษา เรียกว่า ศาสตร์

บูรพาจารย์ในวิชาโหราศาสตร์ก็ดำเนินรอยเดียวกันนี้ คือหลังจากได้ศึกษาสังเกตมาเป็นเวลาช้านาน   ในที่สุดก็พบสถิติที่ค่อนข้างแน่นอนว่า ดาวพระเคราะห์ที่โคจรอยู่ในจักรวาลนั้น มีอิทธิพลต่อโลก เช่น ทำให้เกิดกลางวันกลางคืน เกิดฤดูกาล และเกิดน้ำขึ้นน้ำลง เป็นต้น   และยังมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์อีกด้วย เช่น ทำให้เกิดโชค ประสบความสำเร็จ ลาภผล มีความสุขสมบูรณ์   หรือทำให้เกิดเคราะห์ เช่นประสบความล้มเหลวผิดหวัง มีความทุกข์ยากขัดสน

            เมื่อได้สถิติแล้วก็บันทึกเป็นตำราไว้   ปรากฏว่าใช้ได้ผลเป็นที่เชื่อถือกันสืบมา

            ส่วนการที่ถูกตั้งข้อรังเกียจว่า วิชาโหราศาสตร์ถูกนำไปใช้หลอกลวงคนนั้น ก็หาได้พ้นไปจากธรรมดาวิสัยของศาสตร์ทั้งหลายไม่ วิชาแพทยศาสตร์ก็เคยมีเรื่องเป็นข่าวว่า ถูกนำไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง

วิชาหนังสือพิมพ์ก็เคยถูกนำไปใช้หลอกลวงข่มขู่เรียกร้องทรัพย์สินอยู่บ่อยๆ แม้พุทธศาสตร์ซึ่งเป็นศาสตร์บริสุทธิ์ที่สุด ก็ยังถูกนำไปใช้ในทางไม่บริสุทธิ์   มีข่าวพระเล่นการพนัน พระยิงปืน พระมีเมีย พระทำเสน่ห์

            แต่ที่ศาสตร์นั้นยังไม่ถูกคว่ำบาตรหรือถูกขจัดยกเลิก ก็เพราะบุคคลที่ทำความเสียหายมีส่วนน้อย และเพราะในศาสตร์นั้นๆ มีคนดีมากกว่าคนชั่ว

            เมื่อกล่าวว่า ทางโหราศาสตร์อาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลักพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต หลายท่านก็เกิดความสงสัยว่า ถ้าเหตุการณ์และปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของดวงดาว   เมื่อดวงดาวโคจรผ่านพ้นราศีไปแล้ว   เพราะเหตุใดเหตุการณ์และปัญหาจึงไม่สิ้นสุดยุติ หรือผ่านพ้นไปด้วย   อย่างบางคนมีปัญหาหนี้สินอยู่ไม่รู้จบนับเป็นสิบปี ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะดาวแต่ละดวงโคจรผ่านราศีหนึ่งๆ ไม่ได้ใช้เวลายาวนานถึงเพียงนั้น เรื่องปัญหาที่ยืดเยื้อไม่รู้จบสิ้นนี้   พอจะชี้ให้เห็นโดยเปรียบเทียบกับอาการเจ็บป่วยได้

            มีคนป่วยเป็นจำนวนมากที่อยู่ในอาการทรงกับทรุดต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน คือเมื่อไปหาหมอได้รับการรักษาเยียวยา อาการก็ค่อยดีขึ้น   อยู่ไปๆ ก็ทรุดลงอีก   พอไปให้หมอตรวจรักษาอีก   อาการก็ค่อยดีขึ้นอีก   อยู่ไปๆ ก็ทรุดลงอีก เป็นอยู่อย่างนี้ อาการเจ็บป่วยแบบนี้พบสาเหตุว่าร้อยเกือบทั้งร้อย เพราะคนไข้ไม่ยอมละเว้นของแสลง การเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดขึ้น อาจแยกออกได้เป็น ๒ ประการ คือเกิดเพราะสุขภาพร่างกายทรุดโทรมเองอย่างหนึ่ง และเกิดจากการติดเชื้อหรือรับเชื้อจากคนหรือสิ่งแวดล้อมอีกอย่างหนึ่ง

            การเจ็บป่วยที่เกิดจากสุขภาพร่างกายทรุดโทรม   เมื่อรักษาและบำรุงให้แข็งแรงดีแล้ว ก็เป็นอันหมดโรคหมดเรื่องกันไป แต่ถ้าเกิดจากการติดเชื้อหรือรับเชื้อจากคนหรือจากสภาวะแวดล้อม จะอาศัยเพียงการรักษาบำรุงร่างกายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแก้ไขต้นตอที่แพร่เชื้อนั้นด้วย

            เหตุการณ์ที่เป็นปัญหายุ่งยากก็เช่นเดียวกัน อาจเกิดขึ้นได้ ๒ ทาง คือเกิดจากอิทธิพลดวงดาวให้โทษในดวงชะตาโดยตรงทางหนึ่ง และเกิดจากอิทธิพลภาวะแวดล้อมให้โทษต่อดวงชะตาอีกอย่างหนึ่ง

            ในกรณีแรก เมื่อดวงดาวโคจรพ้นราศีไปแล้ว   เหตุการณ์ก็คลี่คลายหรือสิ้นสุดผ่านพ้นไป   ส่วนในกรณีหลังจะต้องแก้ไขภาวะแวดล้อมด้วย   ถ้าจะตั้งหน้าแก้ไขแต่เหตุการณ์อย่างเดียว ก็เหมือนกับการรักษาโรคโดยไม่งดเว้นของแสลง

            สิ่งทีมีอิทธิพล หรือเป็นเชื้อให้เกิดเหตุการณ์ดีร้ายแก่ชีวิตได้ นอกเหนือไปจากดวงดาว   มีกำหนดไว้ในหลักตำรา ๔ อย่าง เรียกว่า จาตุรงคโชค  ได้แก่ สีอย่างหนึ่ง   รัตนะอย่างหนึ่ง   อักษรอย่างหนึ่ง   และชัยภูมิอีกอย่างหนึ่ง หากมองกันเผินๆ จะรู้สึกว่า ของทั้ง ๔ อย่าง ๔ ประเภทนั้นไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อชีวิตถึงขนาดก่อให้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นได้อย่างไรเลย

            แต่ถ้าคำนึงถึงอย่างรอบคอบ เปรียบเทียบกับการที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทุ่มเทความรู้และเวลาในการทดลองค้นคว้าด้านพลังงานทางเสียงและแสง   รายงานว่าคลื่นเสียงก่อปฏิกิริยาต่อเซลล์ในมนุษย์ สัตว์ และพืช มีผลให้เกิดความเจริญความเสื่อมได้ไม่น้อย ก็ดี   คลื่นแสงคือสีต่างๆ มีปฏิกิริยาต่อความรู้สึกจิตใจเป็นอย่างมาก ก็ดี   ของทั้ง ๔ อย่างที่เรียกว่า จาตุรงคโชคจึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะด่วนมองข้ามไปเสียทีเดียว

            ผู้เขียนเคยพบดวงชะตาที่ต้องสะบักสบอมกับปัญหาแบบไม่รู้จบสิ้นมาหลายครั้งหลายราย และเคยสงสัยว่าดาวที่ให้โทษก็โคจรไปกันหมดแล้ว   เพราะเหตุใดเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาจึงยังไม่หมด ได้รับคำตอบหลักจากอาศัยหลักเกณฑ์คัมภีร์จาตุรงคโชคตรวจสอบดวงชะตาต่างๆ เป็นจำนวนมาก เป็นเวลาต่อเนื่องกันสิบกว่าปีที่ผ่านมา   ทำให้ผู้เขียนกล้ากล่าวว่าเกือบทุกดวงที่มีปัญหาไม่รู้จบสิ้นนั้น มีจาตุรงคโชคที่ให้โทษอยู่ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเสมอ และเมื่อได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งให้โทษนั้นแล้ว ก็ปรากฏผลว่า เจ้าชะตา ส่วนมากสามารถแก้ไขเหตุการณ์ให้คลี่คลายดีขึ้นได้

            สุภาพสตรีรายหนึ่งเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เธอแต่งงานกับสามี อยู่กินกันมาจนเกือบจะมีหลานแล้ว ชีวิตราบรื่นเป็นสุขดี สามีเป็นคนใจคอเยือกเย็นรักลูกรักเมีย หลังจากย้ายบ้านหลวงมาอยู่บ้านของตัวเองที่ซื้อจากหมู่บ้านจัดสรรได้ไม่นาน นิสัยใจคอของสามีก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวกับลูกๆ แม้กระทั่งกับเธอเอง   ทำให้สงสัยว่าคงจะแอบไปมีใหม่ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋มไว้ที่ไหน แต่หลังจากสืบดูอย่างแน่ชัดแล้ว ก็ปรากฏว่าไม่มี

            เมื่อสอบดวงชะตาโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามคัมภีร์จาตุรงคโชคดู ก็พบว่าสีที่ใช้ทาห้องขัดกับดวงชะตา   หลังจากที่แก้ไขให้ถูกต้องแล้ว   สภาวการณ์ในครอบครัวก็ค่อยๆ ดีขึ้น

            รายหนึ่งมาถามว่า พระพุทธรูปที่เป็นอัปมงคลให้โทษมีไหม   ผู้เขียนบอกว่าพระพุทธรูปเป็นวัตถุมงคล ไม่ใช่สิ่งอัปมงคลแน่นอน   เขาว่าเขาได้เช่าพระบูชาเก่าแก่องค์หนึ่งมาด้วยราคาสูงมาก   หลักจากที่เอาพระองค์นั้นเข้ามาบูชาในบ้านแล้ว   สังเกตว่ามีเรื่องยุ่งยากเสียนั่นเสียนี่อยู่ตลอดเวลา   ผู้เขียนจึงแนะนำให้เขาลองเปลี่ยนสถานที่ประดิษฐานให้ถูกชัยภูมิตามดวงชะตา   จะด้วยเหตุผลกลใดหรือจะเป็นการบังเอิญก็แล้วแต่   หลังจากที่เขาแก้ไขแล้วไม่กี่วันก็ประสบโชคใหญ่อย่างไม่คาดฝัน   สภาวการณ์ก็กลับสู่ความสงบเรียบร้อยราบรื่นเหมือนอย่างเดิม

            ผู้เขียนสังเกตเห็นสตรีรายหนึ่งมาหา สวมแหวนหัวสีน้ำเงินสดสวยสะดุดตามาก จึงถามว่าใส่แหวนวงนี้ติดนิ้วเป็นประจำหรือเปล่า   เธอรับว่าใส่   ผู้เขียนบอกว่าเธอไม่ควรใส่ประจำ เพราะรัตนะสีนี้ให้โทษแก่ดวงชะตาของเธอ จะมีอิทธิพลทำให้หญิงอื่นเกิดมาสนใจแฟนของเธอ หรือไม่ก็จะทำให้สามีของเธอเกิดไปเผื่อแผ่น้ำใจให้หญิงอื่น   พอผู้เขียนพูดจบ เธอก็ถอดแหวนใส่กระเป๋าทันที เพราะที่เธอมาหาก็เพราะจะมาสอบถามดวงชะตาในเรื่องสามีเธอไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นอยู่

            การนำเรื่องนี้มากล่าว เพื่อเสนอต่อผู้สนใจในการตรวจสอบโชคเคราะห์ในดวงชะตาไว้เป็นข้อ สังเกตว่าการแก้ไขปัญหาหรือเคราะห์ในดวงชะตานั้นเหมือนกับการรักษาโรค อย่ามุ่งแต่การกินยาฉีดยาอย่างเดียว   ถ้าไม่ห่างหรือเว้นจากของแสลงแล้ว โรคก็ย่อมหายยากหรือไม่หายเลย   การแก้ปัญหาหรือการแก้เคราะห์ในดวงชะตา จะต้องขจัดเชื้อหรือสื่อที่ทำให้เกิดโทษด้วย จึงจะได้ผล

            การวิเคราะห์ว่าอะไรในจาตุรงคโชคเป็นโทษหรือเป็นคุณต่อชะตาในเรื่องอะไร จำเป็นต้องพิจารณาดวงชะตาโดยละเอียด เช่นเดียวกับเกิดกรณีเจ็บไข้ได้ป่วยจะต้องทำการตรวจสอบร่างกายโดยละเอียด   แต่ในกรณีทั่วไปอาศัยหลักสุขศึกษาบำรุงและรักษาร่างกายก็ใช้ได้    ในที่นี้จึงจะนำหลักเกณฑ์ทั่วไปมาแนะนำแนวทางสำหรับเลือกสิ่งเป็นมงคลที่ส่งเสริมชะตาและเลี่ยงสิ่งอัปมงคลที่เป็นโทษนำความทุกข์ความเดือดร้อนมาสู่ชะตา โดยอาศัยวันเกิดเป็นหลัก เพียงประการเดียว   ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

            ของ ๔ อย่างในจาตุรงคโชค มีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันค่อนข้างกว้างขวาง ได้แก่ อักษรที่ใช้ตั้งชื่อตัวหรือชื่อสถานที่

            แต่ปรากฏว่าความเข้าใจในเรื่องอิทธิพลของอักษรยังคลาดเคลื่อนอยู่มาก   ในข้อที่เข้าใจอักษร ศรีมีอิทธิพลในด้านให้คุณ   และอักษร กาลกิณีมีอิทธิพลในด้านให้โทษ ในทำนองเดียวกับเข้าใจเอาง่ายๆ ว่าน้ำหอมดีกว่าน้ำอุจจาระ ซึ่งไม่เป็นความจริงและไม่ถูกต้องในบางกรณี เช่น กรณีเอาน้ำหอมไปหยอดตา น้ำหอมก็เกิดเป็นโทษ และเอาอุจจาระไปรดพืชผัก น้ำอุจจาระก็จะกลับให้คุณเพราะเป็นปุ๋ยทำให้พืชหรือผักเจริญงอกงาม

            ความเข้าใจว่าอักษรกาลกิณีเป็นอัปมงคลให้โทษ ทำให้บางท่านที่เผอิญไปถูกทัก หรือ่านตำราพบว่าในชื่อของตนมีอักษรกาลกิณีอยู่ถึงกับขวัญเสีย เพื่อเป็นการยืนยันให้ผู้อ่านมั่นใจว่า อักษรกาลกิณีมิใช่อักษรอัปมงคลที่ให้โทษเสมอไป ที่ให้คุณก็มี จึงขอนำบุคคลที่มีอักษรกาลกิณีอยู่ในชื่อในตำแหน่งที่มีอิทธิพลสำคัญ คือเป็น อาทิอักษรได้แก่อักษรตัวนำ และอันตอักษรได้แก่อักษรตัวท้าย   มาให้ท่านได้เห็นประจักษ์กับตา

          ยุพา อุดมศักดิ์   ดร.   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ   รัฐมนตรีหญิงคนเดียวในคณะรัฐบาลปัจจุบัน   เกิดวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๔๗๑   ตรงกับวันศุกร์   อักษร ย ตัวนำหน้าเป็นกาลกิณี

          สุธี สิงห์เสน่ห์   นาย   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง   เกิดวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๔๗๑   ตรงกับวันอาทิตย์   อักษร ส ตัวนำหน้าเป็นอักษรกาลกิณี

          ดำริ น้อยมณี   นาย   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย   เกิดวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๕๗   ตรงกับวันศุกร์   อักษร ร ตัวท้ายเป็นอักษรกาลกิณี

            เป็นที่ยอมรับกันว่า บุคคลที่สามารถก้าวขึ้นถึงขั้นได้เป็นเสนาบดีนั้น   ถือว่าเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาอันสูงส่ง   เมื่อเป็นเช่นนี้จะว่าอักษรกาลกิณีเป็นอักษรอัปมงคลมีแต่โทษได้อย่างไร   ถ้าผู้อ่านจะลองตรวจรายชื่อรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลปัจจุบันดู จะพบว่าในจำนวน ๔๒ ท่านนั้น มีอักษรกาลกิณีอยู่ในชื่อไม่น้อยเลยทีเดียว   ทั้งที่เป็นอักษรตัวนำ ตัวตาม ตัวผสม ตัวท้าย ครบทุกขบวน   เพราะฉะนั้นท่านผู้อ่านที่มีอักษรกาลกิณีอยู่ในชื่อ น่าจะพอเลิกขวัญอ่อนกังวลใจได้แล้วกระมังครับ

            สิ่งให้คุณให้โทษที่นำมาเสนอให้เลือกหรือให้เลี่ยงดังกล่าวต่อไปนี้ ขอได้โปรดเข้าใจว่า สิ่งนั้นๆ มิได้แสดงอิทธิพลหรือให้ผลอยู่ตลอดเวลา   อุปมาดั่งแมลงวันหรือหนูที่ถูกจัดว่าเป็นสัตว์ให้โทษร้ายฐานที่เป็นพาหะของเชื้อโรคอย่างสำคัญ สำหรับในยามปกติโทษของสัตว์ทั้งสองประเภทก็ดูไม่สู้กระไรนัก   แต่ในยามที่เกิดอหิวาต์หรือกาฬโรคระบาด สัตว์ทั้งสองนั้นจะแสดงพิษแสดงโทษอย่างร้ายแรง   จาตุรงคโชคที่เป็นโทษจะซ้ำเติมเวลามีเคราะห์ ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก

            การเลือกสิ่งที่เป็นมงคลและเลี่ยงสิ่งที่เป็นอัปมงคล จึงเท่ากับเตรียมสิ่งที่จะส่งเสริมชะตา เมื่อถึงคราวมีโชค และป้องกันการซ้ำเติมแบบผีซ้ำด้ามพลอยในยามที่ชะตามีเคราะห์

            ท่านที่เกิดวันอาทิตย์

ควรเลี่ยงสี   ชมพู   เขียว   แดง     อักษร                                   

ควรเลือกสี   ม่วง   ดำ   น้ำเงิน   ฟ้า   เหลืองอ่อน   ขาว   ครีม   นวล

ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้                                

อักษรตัวตามหรือตัวผสม ใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นพวกที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันจันทร์

ควรเลี่ยงสี   น้ำเงิน   ฟ้า   ม่วง   ดำ   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก     อักษร                                                                

ควรเลือกสี   เขียว   แดง   เทา

ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้               หรืออักษร อ ที่ไม่มีสระผสม และออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ   อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันอังคาร

ควรเลี่ยงสี   เทา   เขียว   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก   อักษร                                                     

ควรเลือกสี   แดง   เหลืองอ่อน   ขาว  นวล   ครีม   ชมพู

ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้                     หรืออักษรที่ไม่มีสระผสมและออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ   อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันพุธ

ควรเลี่ยงสี   แสดส้ม   น้ำตาล   หมากสุก   เทา   น้ำเงิน   ฟ้า     อักษร                                                         

ควรเลือกสี   เหลืองอ่อน   ขาว   นวล   ชมพู   ม่วง   ดำ

ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้                                    อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันพฤหัส

ควรเลี่ยงสี   เทา   แดง   เขียว     อักษร                              และอักษรที่ไม่มีสระผสมที่ออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ

ควรเลือกสี   น้ำเงิน   ฟ้า   ม่วง   ดำ   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก

ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้                                                อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันศุกร์

ควรเลี่ยงสี   เหลืองอ่อน   ขาว   นวล   ครีม   ชมพู   ม่วง   ดำ     อักษร                                                  

ควรเลือกสี   ฟ้า   น้ำเงิน   เทา   แสด   ส้ม   น้ำตาล   หมากสุก

ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้                                                อักษรตัวตามหรือตัว            ใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นตัวอักษรที่ควรเลี่ยง

            ท่านที่เกิดวันเสาร์

ควรเลี่ยงสี   เหลืองอ่อน   ขาว   นวล   ครีม   น้ำเงิน   ฟ้า   ม่วง   ดำ     อักษร                                                      

ควรเลือกสี   แดง   ชมพู   เขียว

ชื่อตัวหรือชื่อสถานที่   อักษรนำควรใช้   อ ที่ไม่มีสระผสมและออกเสียงเป็น อะ หรือ ออ   หรือ                     อักษรตัวตามหรือตัวผสมใช้ตัวอะไรก็ได้   ยกเว้นอักษรที่ควรเลี่ยง

            สีที่กล่าวมาทั้งหมด หมายถึง สีถาวร   เช่น สีบ้าน   สีห้อง   สีม่าน   สีรถยนต์   สีเครื่องเฟอร์นิเจอร์

            รัตนะ   เช่น หัวแหวน หรือ จี้   อนุโลมให้ถือสีเป็นหลัก เพราะรัตนะบางชนิดมีหลายสี เช่น พลอย เป็นต้น มีเกือบทุกสี

            ข้อแนะนำที่ให้ไว้ ไม่ครบถ้วนทั้ง ๔ ประการ เช่น เรื่องชัยภูมิ   จำเป็นต้องพิจารณาตำแหน่งดาวในดวงชะตาประกอบด้วย จึงไม่สามารถนำมากล่าวในที่นี้ได้

            อย่างไรก็ตาม หวังว่าหลักเกณฑ์เท่าที่นำมาเสนอนี้ จะอำนวยผลเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้าง และหากเป็นดั่งที่หวัง ก็ขอให้ผลที่เกิดเป็นกุศลนี้ จงเป็นพลังปัจจัยเกื้อกูลแก่ดวงวิญญาณของคุณหลวงสุทธิภาศนฤพนธ์ในสัมปรายภพทุกประการ.

(จากหนังสือที่ระลึกงานศพหลวงสุทธิภาศนฤพนธ์   พ.ศ. ๒๕๒๒)

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

 

 

 

ป้ายกำกับ: , ,

ใส่ความเห็น